น้ำมันรั่วในอ่าวมะนิลา


เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเกิดเหตุน้ำมันดีเซล
5 แสนลิตรของบริษัทรั่วในอ่าวมะนิลาของฟิลิปปินส์จึงทำให้ทะเลมีสีแดงกระจายและเกิดคราบบริเวณฝั่งของอ่าวมะนิลาและสัตว์น้ำตายเป็นจำนวนมากจึงทำให้ นายอาซิส เปเรซ หัวหน้าสำนักงานประมงและทรัพยากรทางทะเลของฟิลิปปินส์ประกาศสั่งห้ามการจับและจำหน่ายสัตว์น้ำ
เช่น หอย กุ้ง และปู จากบริเวณที่เกิดเหตุจนกว่าจะมีการประกาศเพิ่มเติม
เนื่องจากไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับพิษจากน้ำมันจากการรับประทานสัตว์น้ำเหล่านี้ทำให้ต้องปิดอ่าวชั่วคราวจึงทำให้ชาวบ้านบริเวณอ่าวได้รับความเดือดร้อน
อุตสาหกรรมการประมงได้รับความเสียหายและขาดทุนเป็นจำนวนมากเพราะอ่าวมะนิลานับว่าแหล่งทำประมงที่สำคัญของฟิลิปปินส์นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของชาวบ้านต่อมาได้มีรายงายว่าประชาชนหลายคนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจากปัญหาระบบการหายใจ เนื่องจากกลิ่นน้ำมันที่คละคลุ้งขึ้นจากทะเล ภายหลัง นายลูบิน เนโปมูเซโน
ประธานบริษัท เปตรอน มีแถลงการณ์ในหน้าเฟซบุ๊คของบริษัทฯ
ว่าบริษัทจะขอรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน และขอโทษจากใจจริง และจะรับประกันว่าทุกชุมชนที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วที่สุด
บริษัทจะดำเนินการแก้ไขอย่างเหมาะสมและทำความสะอาดพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น
รวมทั้งจะให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่วตามความจำเป็น
นอกจากนี้ บริษัทเปตรอน คอร์ป เจ้าของคลังน้ำมัน
ได้ทำข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลในการจัดหาทุ่นสกัดคราบน้ำมัน รวมถึงเจ้าหน้าที่
เพื่อช่วยเร่งขจัดคราบน้ำมันให้เร็วที่สุด โฆษกสำนักงานยามฝั่ง เปิดเผยว่า
สามารถกำจัดควบคุมคราบน้ำมันส่วนใหญ่ได้แล้ว และคราบบางส่วนได้ระเหยขึ้นสู่อากาศเมื่อสัมผัสกับแสงอาทิตย์
แต่ถึงกระนั้น
คราบน้ำมันก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและมนุษย์อยู่ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น