วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

น้ำมันรั่วในอ่าวมะนิลา



เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเกิดเหตุน้ำมันดีเซล 5 แสนลิตรของบริษัทรั่วในอ่าวมะนิลาของฟิลิปปินส์จึงทำให้ทะเลมีสีแดงกระจายและเกิดคราบบริเวณฝั่งของอ่าวมะนิลาและสัตว์น้ำตายเป็นจำนวนมากจึงทำให้    นายอาซิส เปเรซ หัวหน้าสำนักงานประมงและทรัพยากรทางทะเลของฟิลิปปินส์ประกาศสั่งห้ามการจับและจำหน่ายสัตว์น้ำ เช่น หอย กุ้ง และปู จากบริเวณที่เกิดเหตุจนกว่าจะมีการประกาศเพิ่มเติม เนื่องจากไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับพิษจากน้ำมันจากการรับประทานสัตว์น้ำเหล่านี้ทำให้ต้องปิดอ่าวชั่วคราวจึงทำให้ชาวบ้านบริเวณอ่าวได้รับความเดือดร้อน อุตสาหกรรมการประมงได้รับความเสียหายและขาดทุนเป็นจำนวนมากเพราะอ่าวมะนิลานับว่าแหล่งทำประมงที่สำคัญของฟิลิปปินส์นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของชาวบ้านต่อมาได้มีรายงายว่าประชาชนหลายคนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจากปัญหาระบบการหายใจ  เนื่องจากกลิ่นน้ำมันที่คละคลุ้งขึ้นจากทะเล ภายหลัง นายลูบิน เนโปมูเซโน ประธานบริษัท เปตรอน มีแถลงการณ์ในหน้าเฟซบุ๊คของบริษัทฯ ว่าบริษัทจะขอรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน และขอโทษจากใจจริง และจะรับประกันว่าทุกชุมชนที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วที่สุด บริษัทจะดำเนินการแก้ไขอย่างเหมาะสมและทำความสะอาดพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ  เพื่อฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งจะให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่วตามความจำเป็น นอกจากนี้ บริษัทเปตรอน คอร์ป เจ้าของคลังน้ำมัน ได้ทำข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลในการจัดหาทุ่นสกัดคราบน้ำมัน รวมถึงเจ้าหน้าที่ เพื่อช่วยเร่งขจัดคราบน้ำมันให้เร็วที่สุด โฆษกสำนักงานยามฝั่ง เปิดเผยว่า สามารถกำจัดควบคุมคราบน้ำมันส่วนใหญ่ได้แล้ว และคราบบางส่วนได้ระเหยขึ้นสู่อากาศเมื่อสัมผัสกับแสงอาทิตย์ แต่ถึงกระนั้น คราบน้ำมันก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและมนุษย์อยู่ดี

อ้างอิงจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid

                      http://www.mcot.net/site/content?id

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น