วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การปกครองของฟิลิปปินส์

หากจะถามว่าประเทศใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับอิทธิพลทางการเมืองจากตะวันตกมากที่สุด ที่เห็นได้ชัดตั้งแต่ในอดีตจนถึงในปัจจุบัน คำตอบคงหนีไม่พ้นฟิลิปปินส์ ซึ่งฟิลิปปินส์ตกอยู่ในอาณานิคมของสเปนกว่าสามศตวรรษต่อด้วยสหรัฐอเมริกาอีกกว่าครึ่งศตวรรษ จนกระทั่งการประกาศเอกราชในปี 1946 ดังนั้น วัฒนธรรมธรรมของคนฟิลิปปินส์จึงได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมแบบคาทอลิกจากสเปนในช่วงการครอบครองอย่างยาวนานดังกล่าว ภายใต้สเปนและสหรัฐฯทำให้เกิดการผสมผสานกันทางวัฒนธรรมระหว่างวัฒนธรรมพื้นเมือง วัฒนธรรมมุสลิม วัฒนธรรมสเปนและอเมริกัน ศีลธรรมแบบคริสต์ศาสนาได้เข้ามาพร้อมกับการเป็นอาณานิคม และมีบทบาทอย่างมากในการครอบงำบรรทัดฐานของสังคม ส่งผลให้ประชาชนชาวฟิลิปปินส์มีวัฒนธรรมทางสังคมที่ให้ความสำคัญกับการอุปถัมภ์ค้ำจุนซึ่งกันและกัน มีลักษณะครอบครัวที่ใกล้ชิดแบบสเปนแต่มีความทันสมัยแบบอเมริกัน สังคมและสิ่งแวดล้อมในฟิลิปปินส์ภายใต้การครอบครองของสเปนและสหรัฐฯเป็นสิ่งกำหนดให้ฟิลิปปินส์มีความเป็นอยู่เช่นปัจจุบัน
ฟิลิปปินส์ถือเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มีการปฏิวัติชาติจากอาณานิคมมีการประกาศเอกราชของตนเองแต่ก็ถูกสหรัฐอเมริกาช่วงชิงอำนาจอธิปไตยไปภายในพริบตา ถือเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มีการประกาศหลักการสิทธิมนุษยชน มีการหยั่งเสียงสอบถามความเห็นทางการเมืองของประชาชนเป็นประเทศแรก ในเรื่องประเด็นความเท่าเทียม/ความเสมอภาคทางเพศนั้นฟิลิปปินส์เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่หญิงชายมีสิทธิสภาพเท่าเทียมกันมากที่สุดก็ว่าได้ เนื่องจากอิทธิพลและวัฒนธรรมเสรีประชาธิปไตยแบบอเมริกันที่เผยแพร่เข้ามาในช่วงอาณานิคมนั่นเอง ทั้งในเรื่องการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ฟิลิปปินส์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความเจริญรุดหน้ามากที่สุดในเอเชีย
เมือวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2489 สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the Philippines) ได้รับเอกราชจากอเมริกา หลังจากที่ได้ตกเป็นอาณานิคมของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนหน้านั้นเคยเป็นอาณานิคมของสเปน ปัจจุบันมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข รายชื่อประธานาธิบดีคนแรกถึงคนปัจจุบัน (2013)
1        เอมิลิโอ อากินัลโด ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2442ถึง1 เมษายน พ.ศ. 2444
เป็นนักปฏิวัติในการเรียกร้องเอกราชของฟิลิปปินส์จากสเปน รุ่นเดียวกับโฮเซ รีซัล และอันเดรส โบนีฟาซีโอ เขาเป็นผู้นำในการลุกฮือขึ้นต่อสู้กับสเปนด้วยอาวุธหลังการถูกประหารชีวิตของรีซัล เป็นนักปฏิวัติชาวฟิลิปปินส์ที่มีบทบาทในการจัดตั้งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ที่ 1 แยกออกมาจากการเป็นอาณานิคมของสเปนในครั้งแรก เมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2440 ในชื่อสาธารณรัฐไบอักนาบาโต และได้ประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์เมื่อ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2441 ก่อนจะกลายเป็นอาณานิคมของสหรัฐ เขาถูกจับกุมเมื่อสหรัฐอเมริกาเข้ามายึดครองฟิลิปปินส์ต่อจากสเปน
2        มานูเอล เกซอน15 พฤศจิกายน ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2478 ถึง 1 สิงหาคม พ.ศ. 2487
3        โฮเซ ลอเรลได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 14 ตุลาคม  พ.ศ. 2486 ถึง 17 สิงหาคม พ.ศ. 2488
4        เซอร์จิโอ ออสมีนา ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2487 ถึง 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2489
5        มานูเอล โรซาส ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 ถึง 15 เมษายน พ.ศ. 2491
6        เอลปิดิโอ กีริโน ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 17 เมษายน พ.ศ. 2491 ถึง 30 ธันวาคม พ.ศ. 2496
7        รามอน แมกไซไซ ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2496 ถึง 17 มีนาคม พ.ศ. 2500
8        คาร์ลอส การ์เซีย ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่18 มีนาคม พ.ศ. 2500 ถึง 30 ธันวาคม พ.ศ. 2504
9        ดิออสดาโด มากาปากัล ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่30 ธันวาคม พ.ศ. 2504 ถึง 30 ธันวาคม พ.ศ. 2508
10    เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2508 ถึง 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 เป็นนักการเมืองที่อยู่ได้นาน และก็มีปัญหาด้านเผด็จการ ก่อปัญหาทำให้ระบบการปกครองของประเทศกลายเป็นเล่นพรรคเล่นพวก ดังเช่นประธานาธิบดีอย่าง Ferdinand Marcos ซึ่งช่วงที่ได้ปกครองประเทศกว่า 30 ปี เป็นยุคความเสื่อมโทรมในทุกด้านของประเทศ
11    คอราซอน อากีโน ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 ถึง 30 มิถุนายน พ.ศ. 2535เป็นประธานธิบดีมีการปฏิรูปการปกครองแล้ว สังคมได้เลือกคนเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี อย่างนาง Corazon Aquino ซึ่งมีความตั้งใจดี มีความพยายามที่จะนำประเทศสู่ประชาธิปไตย แต่ก็ต้องเผชิญกับการต่อต้าน การมีความพยายามรัฐประหารเกือบตลอดเวลาโดยกลุ่มคนที่เสียอำนาจ และอีกประการหนึ่งคือความไม่มีประสบการณ์ด้านการบริหารองค์กรและประเทศขนาดใหญ่
12    ฟิเดล รามอส ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2535 ถึง 30 มิถุนายน พ.ศ. 2541
เป็นผู้นำที่มีลักษณะหนึ่งที่เข้าสู่ตำแหน่งชนะการเลือกตั้งได้อย่างเฉียดฉิว มีคนหวาดระแวงเพราะเป็นญาติกับเผด็จการเดิม อย่าง Marcos และยังมีพื้นฐานมาจากทหาร เขาคือฟิเดล รามอส
13    โจเซฟ เอสตราดา ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2541 ถึง 20 มกราคม พ.ศ. 2544
ในระยะหลังนี้ มีประธานาธิบดีที่มีฐานมวลชนให้การสนับสนุนอย่างหนาแน่น ดังประธานาธิบดี Estrada พระเอกภาพยนตร์ที่คนรู้จักก้นทั่วประเทศ เป็นประธานาธิบดีแบบประชานิยม (Populists) ไม่ต่างอะไรกับมิตร ชัญบัญชา พระเอกจอเงินตลอดกาลของไทย แต่ก็ต้องประสบกับความไม่มีความสามารถทางการบริหาร และประกอบกับการมีปัญหาด้านความไม่โปร่งใสทางการเมือง การมีกลุ่มผลประโยชน์เข้าไปแอบแผง แสวงหาโอกาสทางธุรกิจต่างๆ
14    กลอเรีย อาร์โรโย ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 20 มกราคม พ.ศ. 2544 ถึง 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ประธานาธิบดีอาโรโยได้เข้ามารับตำแหน่งจากเอสตราดา อาโรโยมีความโดดเด่นในด้านการทูต อาโรโยสามารถสร้างนโยบายสันติภาพกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ แต่ภายหลังเกิดเหตุการณ์ 9/11 ทำให้อาโรโยหันมาร่วมมือและเน้นการจัดการอย่างรุนแรงกับกลุ่มกบฏในฟิลิปปินส์เอง ซึ่งสหรัฐมองว่าเป็นเครือข่ายการก่อการร้ายที่โยงใยกันกับกลุ่มอัลกอดะห์
15    เบนิกโน อากีโน ที่ 3 ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553ดำรงอยู่ในตำแหน่งเป็น            ประธานธิบดีคนปัจจุบัน
ดังนั้น ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ทุกสมัยโดยเฉพาะในยุคหลังสุดอย่างอาโรโยนั้น ต้องเน้นสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มอิทธิพลอื่นๆอย่างมากเพื่อก่อให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อหยุดยั้งการเรียกร้อง การต่อต้านใดๆ การจัดสรรผลประโยชน์ทั้งโดยปกปิดและเปิดเผยจึงกลายเป็นความจำเป็นของการเมืองเชิงอิทธิพลในฟิลิปปินส์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น