วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความอิสระของสื่อกับความไม่สงบในมินดาเนา

ประเทศฟิลิปปินส์ตกอยู่ในอาณานิคมของสเปน 400 กว่าปีนานมาก จากนั้นก็มาตกอยู่ภายในของสหรัฐฯ อีกหลังสงครามโลก และเป็นที่ต้องการแก่นักเดินเรือ พ่อค้า บริษัทการค้า เพราะภูมิศาสตร์เป็นจุดยุทธศาสตร์ แล้วก็มีความอุดมสมบูรณ์ คือทั้งอินโดนีเซีย ทั้งฟิลิปปินส์ ล้วนแล้วแต่เป็นหมู่เกาะขนาดใหญ่ทีเดียว ในมหาสมุทรแปซิฟิกที่มาใกล้ทางชายฝั่ง ในด้านของประเทศฟิลิปปินส์ ถ้าเวลาพูดถึงสื่อของเขาจะภูมิใจมากๆ เพราะสื่อเขามีความรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งในการปลดปล่อยประเทศออกจากความเป็นอาณานิคม

บทบาทของสื่อในสถานการณ์ความขัดแย้งมินดาเนา เป็นตัวกลางในการเผยแพร่ข่าว ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลังจากประกาศกฎอัยการศึกอดีตประธานธิบดี มาร์กอส ส่งผลให้ทุกสถานีที่ออกอากาศเงียบสนิทและหนังสือพิมพ์ไม่มีการเผยแพร่ข่าว เนื่องจาก มาร์กอสได้สั่งการควบคุมสื่อมวลชน ดังนั้นเรื่องราวเกี่ยวกับกบฏโมโรที่ปกคลุมมินดาเนาถูกฆ่าตาย ไม่มีรายงานการ และเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งไม่มีการออกสื่อ ซึ่งหลังจากที่ประธานธิบดี มาร์กอสปลดจากตำแหน่ง ทำให้สื่อต่างๆในฟิลิปปินส์มีอิสระมากขึ้น และยังสื่อกลางในการระหว่างประชาชนอีกด้วย ในทางกลับกันสื่อได้กลายเป็น มากกว่าคนส่งข่าวสารต่างๆ โดยการให้ความรุ้แกผู้คน เกี่ยวกับประวัตติศาสตร์ที่ผ่านมา และยังเปิดตาให้ผู้คนเข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านอีกด้วย

ทั้งนี้ในกรณี ผู้สื่อข่าวและตากล้อง เกือบทุกคนเป็นที่น่ารังเกียจของทหารในมินดาเนา แม้ว่าไฟที่เจ็บปวดมานานจะดับแล้ว แต่ข่าวที่ได้รับการประกาศ มิอาจห้ามความคิดแค้นของพวกเขา ซึ่งสื่อได้มีส่วนร่วมไปสู่การสร้างตำนาน ปัจจุบันสื่อมีบทบาทอย่างมากในการขยับขยายการแบ่งแยกระหว่างชาวมุสลิมและประเทศของตัวเองของพวกเขา และสงครามความขัดแย้งเป็นสงครามศาสนาของผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ และชาวมุสลิมที่เปรียบเทียบกับกองกำลังที่ต้องการจะสร้างรัฐอิสลามอิสระ Mndanao ขณะที่ สื่อมวลชนยังมีรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ ปัจจุบันก็จะไม่สนใจบริบททางประวัติศาสตร์ของความขัดแย้งมินดาเนาไปยังจุดที่มีอิทธิพลต่อ ความคิดเห็นของประชาชน

อ้างอิงจาก   http://kalilintad.tripod.com/role_of_media.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น