การปกครองของฟิลิปปินส์
หากจะถามว่าประเทศใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับอิทธิพลทางการเมืองจากตะวันตกมากที่สุด
ที่เห็นได้ชัดตั้งแต่ในอดีตจนถึงในปัจจุบัน คำตอบคงหนีไม่พ้นฟิลิปปินส์ ซึ่งฟิลิปปินส์ตกอยู่ในอาณานิคมของสเปนกว่าสามศตวรรษต่อด้วยสหรัฐอเมริกาอีกกว่าครึ่งศตวรรษ จนกระทั่งการประกาศเอกราชในปี 1946 ดังนั้น วัฒนธรรมธรรมของคนฟิลิปปินส์จึงได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมแบบคาทอลิกจากสเปนในช่วงการครอบครองอย่างยาวนานดังกล่าว
ภายใต้สเปนและสหรัฐฯทำให้เกิดการผสมผสานกันทางวัฒนธรรมระหว่างวัฒนธรรมพื้นเมือง
วัฒนธรรมมุสลิม วัฒนธรรมสเปนและอเมริกัน ศีลธรรมแบบคริสต์ศาสนาได้เข้ามาพร้อมกับการเป็นอาณานิคม
และมีบทบาทอย่างมากในการครอบงำบรรทัดฐานของสังคม
ส่งผลให้ประชาชนชาวฟิลิปปินส์มีวัฒนธรรมทางสังคมที่ให้ความสำคัญกับการอุปถัมภ์ค้ำจุนซึ่งกันและกัน
มีลักษณะครอบครัวที่ใกล้ชิดแบบสเปนแต่มีความทันสมัยแบบอเมริกัน
สังคมและสิ่งแวดล้อมในฟิลิปปินส์ภายใต้การครอบครองของสเปนและสหรัฐฯเป็นสิ่งกำหนดให้ฟิลิปปินส์มีความเป็นอยู่เช่นปัจจุบัน
ฟิลิปปินส์ถือเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มีการปฏิวัติชาติจากอาณานิคมมีการประกาศเอกราชของตนเองแต่ก็ถูกสหรัฐอเมริกาช่วงชิงอำนาจอธิปไตยไปภายในพริบตา
ถือเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มีการประกาศหลักการสิทธิมนุษยชน
มีการหยั่งเสียงสอบถามความเห็นทางการเมืองของประชาชนเป็นประเทศแรก
ในเรื่องประเด็นความเท่าเทียม/ความเสมอภาคทางเพศนั้นฟิลิปปินส์เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่หญิงชายมีสิทธิสภาพเท่าเทียมกันมากที่สุดก็ว่าได้
เนื่องจากอิทธิพลและวัฒนธรรมเสรีประชาธิปไตยแบบอเมริกันที่เผยแพร่เข้ามาในช่วงอาณานิคมนั่นเอง
ทั้งในเรื่องการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ฟิลิปปินส์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความเจริญรุดหน้ามากที่สุดในเอเชีย
เมือวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2489 สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the Philippines) ได้รับเอกราชจากอเมริกา
หลังจากที่ได้ตกเป็นอาณานิคมของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ก่อนหน้านั้นเคยเป็นอาณานิคมของสเปน ปัจจุบันมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข รายชื่อประธานาธิบดีคนแรกถึงคนปัจจุบัน (2013)
1
เอมิลิโอ อากินัลโด ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2442ถึง1 เมษายน พ.ศ. 2444
เป็นนักปฏิวัติในการเรียกร้องเอกราชของฟิลิปปินส์จากสเปน
รุ่นเดียวกับโฮเซ รีซัล และอันเดรส โบนีฟาซีโอ
เขาเป็นผู้นำในการลุกฮือขึ้นต่อสู้กับสเปนด้วยอาวุธหลังการถูกประหารชีวิตของรีซัล
เป็นนักปฏิวัติชาวฟิลิปปินส์ที่มีบทบาทในการจัดตั้งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ที่ 1
แยกออกมาจากการเป็นอาณานิคมของสเปนในครั้งแรก เมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2440
ในชื่อสาธารณรัฐไบอักนาบาโต และได้ประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์เมื่อ 12
มิถุนายน พ.ศ. 2441 ก่อนจะกลายเป็นอาณานิคมของสหรัฐ
เขาถูกจับกุมเมื่อสหรัฐอเมริกาเข้ามายึดครองฟิลิปปินส์ต่อจากสเปน
2
มานูเอล เกซอน15 พฤศจิกายน ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2478 ถึง 1 สิงหาคม พ.ศ. 2487
3
โฮเซ ลอเรลได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2486 ถึง 17 สิงหาคม พ.ศ. 2488
4
เซอร์จิโอ ออสมีนา ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2487 ถึง 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2489
5
มานูเอล โรซาส ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 ถึง 15 เมษายน พ.ศ. 2491
6
เอลปิดิโอ กีริโน ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 17 เมษายน พ.ศ. 2491 ถึง 30 ธันวาคม พ.ศ. 2496
7
รามอน แมกไซไซ ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2496 ถึง 17 มีนาคม พ.ศ. 2500
8
คาร์ลอส การ์เซีย ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่18 มีนาคม พ.ศ. 2500 ถึง 30 ธันวาคม พ.ศ. 2504
9
ดิออสดาโด มากาปากัล ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่30 ธันวาคม พ.ศ. 2504 ถึง 30 ธันวาคม พ.ศ. 2508
10
เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2508 ถึง 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 เป็นนักการเมืองที่อยู่ได้นาน
และก็มีปัญหาด้านเผด็จการ
ก่อปัญหาทำให้ระบบการปกครองของประเทศกลายเป็นเล่นพรรคเล่นพวก
ดังเช่นประธานาธิบดีอย่าง Ferdinand Marcos ซึ่งช่วงที่ได้ปกครองประเทศกว่า
30 ปี เป็นยุคความเสื่อมโทรมในทุกด้านของประเทศ
11
คอราซอน
อากีโน ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 ถึง 30 มิถุนายน พ.ศ. 2535เป็นประธานธิบดีมีการปฏิรูปการปกครองแล้ว
สังคมได้เลือกคนเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี อย่างนาง Corazon
Aquino ซึ่งมีความตั้งใจดี มีความพยายามที่จะนำประเทศสู่ประชาธิปไตย
แต่ก็ต้องเผชิญกับการต่อต้าน
การมีความพยายามรัฐประหารเกือบตลอดเวลาโดยกลุ่มคนที่เสียอำนาจ
และอีกประการหนึ่งคือความไม่มีประสบการณ์ด้านการบริหารองค์กรและประเทศขนาดใหญ่
12
ฟิเดล รามอส ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2535 ถึง 30 มิถุนายน พ.ศ. 2541
เป็นผู้นำที่มีลักษณะหนึ่งที่เข้าสู่ตำแหน่งชนะการเลือกตั้งได้อย่างเฉียดฉิว
มีคนหวาดระแวงเพราะเป็นญาติกับเผด็จการเดิม อย่าง Marcos และยังมีพื้นฐานมาจากทหาร เขาคือฟิเดล รามอส
13
โจเซฟ
เอสตราดา ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2541 ถึง 20 มกราคม พ.ศ. 2544
ในระยะหลังนี้ มีประธานาธิบดีที่มีฐานมวลชนให้การสนับสนุนอย่างหนาแน่น
ดังประธานาธิบดี Estrada พระเอกภาพยนตร์ที่คนรู้จักก้นทั่วประเทศ
เป็นประธานาธิบดีแบบประชานิยม (Populists) ไม่ต่างอะไรกับมิตร
ชัญบัญชา พระเอกจอเงินตลอดกาลของไทย
แต่ก็ต้องประสบกับความไม่มีความสามารถทางการบริหาร
และประกอบกับการมีปัญหาด้านความไม่โปร่งใสทางการเมือง
การมีกลุ่มผลประโยชน์เข้าไปแอบแผง แสวงหาโอกาสทางธุรกิจต่างๆ
14
กลอเรีย
อาร์โรโย ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 20 มกราคม พ.ศ. 2544 ถึง 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ประธานาธิบดีอาโรโยได้เข้ามารับตำแหน่งจากเอสตราดา
อาโรโยมีความโดดเด่นในด้านการทูต
อาโรโยสามารถสร้างนโยบายสันติภาพกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้
แต่ภายหลังเกิดเหตุการณ์ 9/11 ทำให้อาโรโยหันมาร่วมมือและเน้นการจัดการอย่างรุนแรงกับกลุ่มกบฏในฟิลิปปินส์เอง
ซึ่งสหรัฐมองว่าเป็นเครือข่ายการก่อการร้ายที่โยงใยกันกับกลุ่มอัลกอดะห์
15
เบนิกโน
อากีโน ที่ 3 ได้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553ดำรงอยู่ในตำแหน่งเป็น ประธานธิบดีคนปัจจุบัน
ดังนั้น ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ทุกสมัยโดยเฉพาะในยุคหลังสุดอย่างอาโรโยนั้น
ต้องเน้นสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มอิทธิพลอื่นๆอย่างมากเพื่อก่อให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง
เพื่อหยุดยั้งการเรียกร้อง การต่อต้านใดๆ
การจัดสรรผลประโยชน์ทั้งโดยปกปิดและเปิดเผยจึงกลายเป็นความจำเป็นของการเมืองเชิงอิทธิพลในฟิลิปปินส์